วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อมูลก่อนเชลซีพบสเปอร์สวันอาทิตที่ 20 กันยายน 2552

"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่คว้าชัยชนะรวด 5 นัดในลีก จะส่ง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ นิโกล่าส์ อเนลก้า ในเกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์ กับ สเปอร์ส ที่หวังทีเด็ดจาก เจอร์เมน เดโฟ กับ ปีเตอร์ เคร้าช์ ลงเผด็จศึกเจ้าถิ่น ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2552 เชลซี - สเปอร์ส คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม จ่าฝูงที่คว้าชัยชนะรวด 5 นัดในลีก จะได้กำลังหลักอย่าง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา และ โชเซ่ โบซิงวา กลับคืนทีมทั้งคู่ หลังติดโทษแบนในเกมยุโรปมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อเล็กซ์ กับ เดโก้ เป็นสองรายที่ต้องรอทดสอบความฟิต จากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ และ น่อง (ตามลำดับ) ขณะที่ โจ โคล ซึ่งมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์มาแล้ว ไม่น่าจะมีส่วนร่วมกับเกมนี้ แต่อาจมีลุ้นในเกมคาร์ลิ่ง คัพแทน เปาโล แฟร์ไรร่า แบ็กขวาที่หายเจ็บเข่า กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพความฟิต ขณะที่ ยูริ ซีร์คอฟ นักเตะใหม่ ยังคงพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บเข่าต่อไป ระบบการเล่น 4-4-2 ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ โชเซ่ โบซิงวา, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล แดนกลางมี มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า คู่หน้า นิโกล่าส์ อเนลก้า ยืนคู่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ด้าน แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ กุนซือ ไก่เดือยทอง ต้องคิดหนักเรื่องผู้รักษาประตู เพราะ เอเรลโญ่ โกเมส นายทวารบราซิเลี่ยน ฟิตกลับมาแล้ว ขณะที่ คาร์โล คูดิชินี่ กำลังโชว์ฟอร์มดีต่อเนื่อง และจะเป็นเกมเจอทีมเก่าด้วย แกเร็ธ เบล หายเจ็บเท้ากลับมาลงเล่น 90 นาทีเต็มในเกมอุ่นเครื่องกับ คิวพีอาร์ เมื่อกลางสัปดาห์ อาจมีชื่อโผล่ตัวสำรอง ขณะที่ ไมเคิ่ล ดอว์สัน (เอ็นร้อยหวาย), ลูก้า โมดริช (ขาหัก) และ โจนาธาน วู้ดเกต (โคนขาหนีบ) ยังเจ็บทั้งหมด ระบบการเล่น 4-4-2 คาร์โล คูดิชินี่ ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เวดราน ชอร์ลูก้า, เลดลี่ย์ คิง, เซบาสเตียง บาสซง, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ แดนกลางมี อารอน เลนน่อน, ทอม ฮัดเดิลสตัน, วิลสัน ปาลาซิออส, ร็อบบี้ คีน คู่หน้าใช้ เจอร์เมน เดโฟ ยืนคู่ ปีเตอร์ เคร้าช์ รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เชลซี (4-4-2) : ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบซิงวา, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา สเปอร์ส (4-4-2) : คาร์โล คูดิชินี่ - เวดราน ชอร์ลูก้า, เลดลี่ย์ คิง, เซบาสเตียง บาสซง, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - อารอน เลนน่อน, ทอม ฮัดเดิลสตัน, วิลสัน ปาลาซิออส, ร็อบบี้ คีน - เจอร์เมน เดโฟ, ปีเตอร์ เคร้าช์ ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ สิงห์บลูส์เปิดรังไม่แพ้ไก่ในลีก 19 นัด สถิติการพบกันที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในศึกพรีเมียร์ลีกของ เชลซี กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปรากฏว่า 19 นัด สิงโตน้ำเงินคราม ยังไม่เคยแพ้คาบ้านให้กับ ไก่เดือยทอง เลย 19 นัดที่พบกันในลีกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เอาชนะไปได้ 13 นัด และเสมอกัน 6 นัด โดย สเปอร์ส บุกมาเสมอ 1-1 ได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ชูเลียโน่ เบลเลตติ ยิงไกลให้ เชลซี นำก่อน แต่ก็โดน ดาร์เรน เบนท์ ตีเสมอในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นอกจากนี้ สเปอร์ส ยังเคยมีสถิติอันย่ำแย่ในการพบกับ เชลซี เมื่อ ไก่เดือยทอง ไม่ชนะ สิงโตน้ำเงินคราม นานถึง 32 นัดในลีก ก่อนที่จะมาหยุดสถิติได้ด้วยชัยชนะ 2-1 ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ปี 2006



แลมพ์สรับกลัวฤทธิ์ไก่เดือยทอง



แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์เท้าหนัก เชลซี รับกลัวความเก่งกาจของ สเปอร์ส ไม่น้อย ชี้เกมกับ "ไก่เดือยทอง" วันอาทิตย์นี้ ทีมตนต้องพบกับความยากลำบากแน่นอน และจะต้องเล่นแบบท็อปฟอร์มเลยทีเดียว หากคิดเก็บ 3 แต้มเข้ากระเป๋า แฟร้งค์ แลมพาร์ด กองกลางตัวเก่งของ เชลซี สโมสรชื่อดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมายอมรับว่า ตัวเขารู้สึกเกรงกลัว ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สโมสรคู่แข่งในเกมลีกวันอาทิตย์นี้ไม่น้อย เนื่องจาก "ไก่เดือยทอง" เป็นทีมที่มักจะเล่นได้แข็งแกร่งเสมอ เมื่อเจอกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" แถมยังมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมอยู่ในทีมมากมายอีกด้วย สตาร์ทีมชาติอังกฤษวัย 31 ปี " เผยว่า "ในช่วงหลังๆ พวกเขาสร้างความยากลำบากให้กับพวกเราได้ตลอด เพราะพวกเขาชำนาญเหลือเกินกับการเก็บผลการแข่งขันที่ดีจากพวกเรา พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และบรรยากาศในเกมดาร์บี้แมตช์ มันยิ่งทำให้เราเอาชนะพวกเขายากขึ้นกว่าเดิมอีก พวกเราจะต้องเล่นแบบท็อปฟอร์มเลยทีเดียว ถ้าหากต้องการเอาชนะพวกเขา" "แฮร์รี่ (เร้ดแน็ปป์) รวบรวมทีมขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมครั้งแล้วครั้งเล่า กับทุกๆ สโมสรที่เขาทำงานให้ และมันก็ต้องใช้เวลาที่เขาจะทำให้สโมสรนั้นๆ ขึ้นมากดดันบรรดาสโมสรในกลุ่มท็อปโฟร์ได้ การที่มี ปีเตอร์ เคร้าช์ อยู่ในทีม ทำให้พวกเขาสามารถโยนบอลยาวไปข้างหน้าโดยตรงได้มากขึ้น เพราะไม่มีใครหรอกที่สามารถดวลลูกกลางอากาศกับ เคร้าช์ ได้ ผมได้ดูเกมที่ สเปอร์ส ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขามีโอกาสโยนบอลให้ เคร้าชี่ (ชื่อเล่นของ เคร้าช์) ได้ไม่กี่ครั้ง แต่พวกเขาก็มีนักเตะที่เฉียบคมอีกมากมายเช่นกัน" แลมพาร์ด กล่าว

นักเตะทีมเชลซี..



ประวัติ
สโมสรฟุตบอลเชลซีก่อตั้งเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ที่ ผับชื่อเดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1954–55
ปี 1996 แต่งตั้ง รุด กุลลิท(Ruud Gullit) เป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีม เชลซีสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในยุคของกุลลิทนี้
ปี 1997 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่( Gianluca Vialli) โดยเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในช่วงแรก ในยุคของวิอัลลี่นี้สามารถทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพและสามารถเข้าชิง"ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"ได้เป็นปีทีสองติดต่อกันก่อนที่จะแพ้ลาซิโอทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน "ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"
ปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ถูกปลดออกจากผู้จัดการทีมและแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี(Claudio Ranieri) เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ
มิถุนายน ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ.2003) โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบตส์(Ken Bates) ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรีซึ่งเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีมโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อยล้านปอนด์ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันเชลซีไม่คว้าแชมป์ใดมาได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางทีมจึงได้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ( José Mourinho)เป็นผู้จัดการทีมต่อมา
ปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ.2004) เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในสมัยนั้นเป็นอย่างมากกับบทสัมภาษณ์และทัศนะของ มูริญโญ่เอง
ปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสร
ปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งสองสมัยติดต่อกัน
20 กันยายน พ.ศ. 2550 มูรินโญ่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอแบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 [1] และเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์ (Afram Grant)
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซีต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้โดยนัดสุดท้ายทำได้เพียงเสมอกับ โบลตัน (Bolton)1-1 โดยถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาลเชลซีทำแต้มได้ 85 แต้ม โดยแชมป์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)ทำได้ 87 แต้ม
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เข้าชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 6-5 ประตู
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ผู้บริหารสโมสรมีมติปลดอัฟราม แกรนท์ ออกจากตำแหน่ง
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง หลุย เฟลิปเป้ สโกลารี่ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สโกลารี่ทำผลงานได้ไม่ดี หลังจากนำทีมเสมอต่อ ฮัลล์ 0-0 ตามหลังแมนฯ ยูผู้นำอยู่ 7 แต้ม ผู้บริหารสโมสรได้มีมติปลดออกจากตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 มติสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวฮอลแลนด์ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยฮิดดิ้งค์จะทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้จัดการทีมชาติรัสเซียและผู้จัดการเชลซี และกุส ฮิดดิ้งค์ นี้พาเชลชี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 โดยเอาชนะเอฟเวอร์ตันในนัดชิงชนะเลิศ
1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ


สแตมฟอร์ดบริดจ์ (Stamford Bridge) เป็นสนามฟุตบอลแห่งเดียวของเชลซีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาตั้งอยู่ในเขตฟูแลม ในลอนดอน โดยเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2420 โดยในช่วง 28 ปีแรกที่เปิดใช้ ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสนามกรีฑาด้วย สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสกอตแลนด์ บรรจุคนได้กว่า 42000 ที่นั้ง Archibald Leitch

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน


เล่นชุดปัจจุบันเบอร์ ตำแหน่ง รายชื่อ 1 Goalkeeper ปีเตอร์ เช็ค 2 Defender บรานิสสลาฟ อิวาโนวิช 3 Defender แอชลี่ย์ โคล 5 Midfielder มิคาเอล เอสเซียง 6 Defender ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 8 Midfielder แฟรงค์ แลมพาร์ด (รองกัปตัน) 9 Attacker ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ 10 Midfielder โจ โคล 11 Attacker ดิดิเยร์ ดร็อกบา 12 Midfielder จอห์น โอบี มิเกล 13 Midfielder มิชาเอล บัลลัค 15 Midfielder ฟลอรองต์ มาลูด้า 16 Attacker สกอตต์ ซินแคลร์ เบอร์ ตำแหน่ง รายชื่อ 17 Defender โจเซ่ โบซิงวา 18 Defender เวย์น บริดจ์ 19 Defender เปาโล เฟอร์ไรร่า 20 Midfielder เดโก้ 21 Attacker โซอาโลมอง กาลู 22 Attacker โรบินโญ่ 23 Goalkeeper คาร์โล คูดิชินี่ 26 Defender จอห์น เทอร์รี (กัปตัน) 30 Goalkeeper ไรส์ เทย์เลอร์ 33 Defender อเล็กซ์ 35 Defender ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ 39 Attacker นิโก้ อเนลก้า 40 Goalkeeper เฮนริเก้ ฮิลาริโอ
นักเตะที่ยิงเกิน 100 ประตูเบอร์ ตำแหน่ง รายชื่อ 8 Midfielder แฟรงค์ แลมพาร์ด
อดีตผู้เล่นที่โด่งดัง(นับปีที่เข้ามาในสโมสร)
ทศวรรษที่ 1990 เบอร์ ตำแหน่ง รายชื่อ 1 Goalkeeper เอ็ด เดอ ฮุย 2 Defence แดน เปเตรสคู 3 Defence แกรม เลอโซ 5 Defence ฟร้องซ์ เลอเบิฟ 11 Midfield เดนนิส ไวส์ (อดีตกัปตันทีม) 9 Forward จิอันลูกา วิอัลลี่ 25 Forward จิอันฟรังโก โซลา 19 Forward ทอเร อังเดร โฟล 13 Defence วิลเลี่ยม กัลลาส 6 Defence มาแซล เดอไซญี่ (อดีตกัปตันทีม) 22 Forward ไอเดอร์ กุ๊ดจอห์นเซน 36 Midfield เจสเปอร์ กรุนชา 9 Forward จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลเบงค์

ทศวรรษที่ 2000 เบอร์ ตำแหน่ง รายชื่อ 11 Midfield เดเมี่ยน ดัฟ 16 Midfield อาเยน ร็อบเบน


นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 1967-2008Year Winner 1967 ปีเตอร์ โบเน็ตติ 1968 ชาร์ลี คุก 1969 เดวิด เว็บ 1970 ์จอห์น ฮอลลินส 1971 จอห์น ฮอลลินส 1972 เดวิด เว็บ 1973 ปีเตอร์ ออสกู๊ด 1974 แกรี่ ล็อก 1975 ชาร์ลี คุก 1976 เรย์ วิลกินส์ 1977 เรย์ วิลกินส์ 1978 มิกกี้ ดรอย 1979 ทอมมี่ แลงลี่ย์ 1980 ไคล์ วอล์กเกอร์ 1981 ปีเตอร์ โบโรต้า 1982 ไมค์ ฟิลเลรี่ 1983 โจอี้ โจนส์ 1984 แพท เนวิน 1985 เดวิด สปีดี้ 1986 เอ็ดดี้ นีดสวิกกี้ 1987 แพท เนวิน Year Winner 1988 โทนี่ โดริโก้ 1989 เกรแฮม โรเบิร์ต 1990 เคน มองกู 1991 แอนดี้ ทาวเซ่น 1992 พอล เอลเลียต 1993 แฟรงค์ ซินแคลร์ 1994 สตีฟ คลาร์ก 1995 เออร์แลนด์ จอห์นเซ่น 1996 รุด กุลลิต 1997 มาร์ก ฮิวจส์ 1998 เดนนิส ไวซ์ 1999 จิอันฟรังโก้ โซล่า 2000 เดนนิส ไวซ์ 2001 จอห์น เทอร์รี่ 2002 คาร์โล คูดิชินี่ 2003 จิอันฟรังโก้ โซล่า 2004 แฟรงค์ แลมพาร์ด 2005 แฟรงค์ แลมพาร์ด 2006 จอห์น เทอร์รี่ 2007 มิคาเอล เอสเซียง 2008 โจ โคล
ทำเนียบผู้จัดการทีมYear 1933-1939 เลสลี่ ไนท์ตัน 1939-1952 บิลลี่ แบร์เรลล์ 1952-1961 เท็ด เดร็ค 1962-1967 ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ 1967-1974 เดฟ เซ็กตัน 1974-1975 รอน ซอวร์ต 1975-1977 เอ็ดดี้ แม็คเครดี้ 1977-1978 เคน เชลลิโต้ 1978-1979 แดนนี่ บลังค์ฟลาวเวอร์ส 1979-1981 เจฟฟ์ เฮิร์สต์ 1981-1985 จอห์น นีล 1985-1988 จอห์น ฮอลลินส์ 1988-1991 บ็อบบี้ แคมป์เบลล์ 1991-1993 เอียน พอร์เตอร์ฟิลด์ 1993 เดวิด เวบบ์ 1993-1996 เกล็น ฮอดเดิ้ล 1996-1998 รุด กุลลิท 1998-2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ 2000-2004 เคลาดิโอ รานิเอรี่ 2004-2007 โจเซ่ มูรินโญ่ 2007-2008 อัฟราม แกรนท์ 2008-ปัจจุบัน หลุยส์ ฟิลิปเป สโคลารี
สัญลักษณ์ทีมสัญลักษณ์ช่วง 1905-1952อดีตทหารเขตเชลซี สัญลักษณ์ช่วง 1953-1986 สัญลักษณ์ช่วง 1986-2005 สัญลักษณ์ช่วง 2006-ปัจจุบัน
ผลงานแชมป์เอฟเอ พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลลีกดิวิชั่นหนึ่ง: 3 ครั้ง 1955, 2005, 2006 ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 2 ครั้ง 1984, 1989 เอฟเอคัพ: 4 ครั้ง 1970, 1977, 2000, 2007 ลีกคัพ: 4 ครั้ง 1965, 1998, 2005, 2007 ชาริตีชิลด์ 1956, 2000, 2005 Full Members' Cup 1986, 1990 ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ 1971, 1998 UEFA Super Cup 1998 FA Youth Cup 1960, 1961 รองแชมป์ฟุตบอลเอฟเอคัพ 1951, 1697, 1994 แชมป์ (Makita/Umbro Trophy) 1994, 1997 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ 2004, 2005, 2007 รองแชมป์ 2008 สถิติสถิติผู้ชมสูงสุด : ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดพบกับอาร์เซน่อล ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1958 มีผู้ชมเข้ามาชมถึง 82,905 คน สถิติผู้ชมน้อยที่สุด : ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดที่พบกับ ลินคอล์น ซิตี้ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1906 มีผู้ชมเพียง 3,000 คน สถิติชนะสูงสุด : ในนัดพบกับ จิวเนส ฮัทคาเรจ ซึ่งถูกพวกเขาถลุงไปถึง 13-0 ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1971 สถิติแพ้สูงสุด : ในนัดพบกับ วูล์ฟแฮมตัน วันเดอร์เรอร์ส ที่อัดพวกเขาไป 8-1 ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1953 ผู้เล่นในลีกสูงสุด : รอนแฮร์ริส, 655 นัด, 1962-80 สถิติซื้อนักเตะค่าตัวแพงที่สุด : 30 ล้านปอนด์, อังเดร เชฟเชนโก้ จาก เอซี มิลาน, มิถุนายน ค.ศ. 2006 สถิติขายนักเตะแพงที่สุด : 24 ล้านปอนด์, อาร์เยน ร็อบเบน ไปเรอัลมาดริด, สิงหาคม ค.ศ. 2007 นักเตะที่ทำประตูรวมสูงสุดใน 1 ฤดูกาล : จิมมี่ กรีฟส์, 41 ประตู, 1960-61 นักเตะที่ทำประตูรวมสูงสุดในช่วงที่อยู่กับ : บ๊อบบี้ แทมบลิง, 164 ประตู, 1958 สถิติยื่นข้อเสนอซื้อนักเตะค่าตัวแพงที่สุด : 50 ล้านปอนด์, กาก้า จาก เอซี มิลาน, สิงหาคมค.ศ. 2008

ประวัติทีมเชลซี...










Chelsea Football Clubสโมสร เชลซีก่อตั้ง 14 มีนาคม 1905สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ลอนดอน)ความจุ 42,055
เชลซีมีโลโก้มากมาย ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเชลซีเปลี่ยนมาแล้วทั้งหมด 5 แบบ มาทำความรู้จักกับเชลซียุคแรกกันหน่อย



เชลซีมีโลโก้มากมาย ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเชลซีเปลี่ยนมาแล้วทั้งหมด 5 แบบ มาทำความรู้จักกับเชลซียุคแรกกันหน่อย
โลโก้นี้คือโลโก้เริ่มแรกของทีมเชลซี ผู้สูงอายุในวงกลมนั้น เป็นหนึ่งในขุนนางที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง (ไม่เคยมีใครรู้ด้วยว่าผู้สูงอายุผู้นี้เป็นใคร) โลโก้นี้ไม่เคยใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ บนอกเสื้อนักเตะมาก่อน อย่างไรก็ตาม จะปรากฎในตารางการแข่งขันและในจอทีวีบอกสกอร์ในสนามเท่านั้น ทำให้ The Pensioner จึงเป็นชื่อเล่นของทีมเชลซีเพื่อเป็นเกียรติ ในฐานะที่เป็นโลโก้แรกของทีมในปัจจุบัน ***คำว่า Pensioner แปลตามพจนานุกรมเป๊ะๆ คือ ผู้มีสิทธิ รับบำนาญ ในอังกฤษสมัยก่อนนั้น คนที่มีสิทธิ์ได้รับบำนาญ คือขุนนาง หากเปรียบในสมัยนี้ คือข้าราชการนั่นเอง




โลโก้ที่สองเริ่มใช้ตั้งแต่ยุคกุนซือเท็ด เดร็คในปี 1952 อดีตกุนซือผู้นี้เป็นผู้ปลุกกระแสให้คิดโลโก้ใหม่แทน The Pensioner และอีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือเปลี่ยนชื่อเล่นทีมเป็น The Blues หากเราดูรูปให้ดี เราจะเห็น CFC -> Chelsea Football Club ซ้อนกัน เพราะเหตุนี้ ในสมัยนั้น หากใครบอกว่าพวกเขาคือชาวสีน้ำเงินจะรู้ทันทีว่าเป็นแฟนบอลเชลซี ซึ่งชื่อเล่นใหม่นี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างล้นหลาม จนเป็นสีศักดิ์สิทธิ์ของแฟนบอลเชลซีในช่วงนั้น






โลโก้ที่สามนี้เป็นโลโก้ที่โด่งดังมากที่สุด และเชลซีก็ใช้โลโก้นี้เป็นเวลาถึง 33 ปี โลโก้ด้านนอกนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก แขนของเสื้อนอกของพระชั้นเหนือบิชอฟในเขตมณฑลเชลซี ส่วนสิงโตสีน้ำเงินถือไม้เท้าสีทองได้รับต้นแบบมาจากแขนเสื้อของ ขุนนางท่านหนึ่งนามว่า Earl Cadogan (Earl ไม่ใช่นามสกุล เป็นชื่อระดับชั้นขุนนาง ระดับเออร์ล) ซึ่งในสมัยนั้น ขุนนางผู้นี้เป็นประธานของทีมเชลซีรวมทั้งได้รับความเห็นชอบ จากขุนนางระดับสูงกว่าระดับบารอนให้ใช้สิงโตถือไม้เท้าได้ ***ไม้เท้า มีความหมาย หมายถึงความรู้ ศรัทธา จรรยาต่อพระผู้เป็นเจ้า ก็เหมือนกับพระระดับสูงมีไม้เท้าบอกระดับชั้น อีกทั้งในสมัยก่อน ศาสนจักรรุ่งเรืองมากกว่าอาณาจักร ทำให้สัญลักษณ์อื่นใดก็ตามจากศาสนจักรนั่นเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ถึงกระนั้น เชลซีก็สามารถใช้ได้...เท่ห์แค่ไหน โลโก้นี้ไม่ได้ใช้บนอกเสื้อนักเตะจนเมื่อถึงปี 1960 โลโก้นี้จึงเสร็จสมบูรณ์และใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นอย่างที่เห็นในรูป ถึงแม้ว่า โลโก้นี้จะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโลโก้ประจำทีมโดยตรง แต่ทีมเชลซีก็ใช้มาตั้งแต่ปี 1960-1970 แต่ทุกๆ คนก็เริ่มจะรู้จักและจำเชลซี ในฐานะสิงโตน้ำเงินก็เพราะโลโก้นี้



ในปี 1986 เชลซีได้ปรับสี่โลโก้ให้เป้นโลโก้เดียวทำให้สินค้าของเชลซีพัฒนาและขายได้ โดยเฉพาะเสื้อและลูกฟุตบอล ในขณะที่สิงโตและ CFC ยืนพื้นและไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งสีน้ำเงินก็ใช้เป็นสีของทีมเชลซีมาตั้งแต่โลโก้แรก โลโก้นี้ใช้มาถึง 19 ปี แฟนเชลซีจึงจำเชลซีว่าเป็นทีมสิงโตน้ำเงินโดยสมบูรณ์ ถึงกระนั้นแฟนบอลและผู้สนับสนุนเชลซีกลับจำโลโก้นี้ได้มากกว่าโลโก้ที่สาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป แฟนเชลซีกลับต้องการที่จะกลับไปใช้โลโก้แบบเก่า เพื่อจะนำทีมเชลซีสู่สมัยใหม่ การคิดค้นโลโก้ใหม่จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง




ผลงานในอดีต
แชมป์เอฟเอ พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลลีกดิวิชั่นหนึ่ง: 3 ครั้ง 1955, 2005, 2006

ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 2 ครั้ง 1984, 1989

เอฟเอคัพ: 4 ครั้ง 1970, 1977, 2000, 2007

ลีกคัพ: 4 ครั้ง 1965, 1998, 2005, 2007

ชาริตีชิลด์ 1956, 2000, 2005

Full Members' Cup 1986, 1990

ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ 1971, 1998

UEFA Super Cup 1998

FA Youth Cup 1960, 1961

รองแชมป์ฟุตบอลเอฟเอคัพ 1951, 1697, 1994

แชมป์ (Makita/Umbro Trophy) 1994, 1997

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ 2004, 2005, 2007 รองแชมป์ 2008
ทำเนียบผู้จัดการทีม
1933-1939 เลสลี่ ไนท์ตัน 1939-1952 บิลลี่ แบร์เรลล์ 1952-1961 เท็ด เดร็ค 1962-1967 ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ 1967-1974 เดฟ เซ็กตัน 1974-1975 รอน ซอวร์ต 1975-1977 เอ็ดดี้ แม็คเครดี้ 1977-1978 เคน เชลลิโต้ 1978-1979 แดนนี่ บลังค์ฟลาวเวอร์ส1979-1981 เจฟฟ์ เฮิร์สต์ 1981-1985 จอห์น นีล 1985-1988 จอห์น ฮอลลินส์ 1988-1991 บ็อบบี้ แคมป์เบลล์ 1991-1993 เอียน พอร์เตอร์ฟิลด์ 1993 เดวิด เวบบ์ 1993-1996 เกล็น ฮอดเดิ้ล 1996-1998 รุด กุลลิท 1998-2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ 2000-2004 เคลาดิโอ รานิเอรี่ 2004-2007 โชเซ่ มูรินโญ่ 2007-2008 อัฟราม แกรนท์ 2008-ปัจจุบัน หลุยส์ ฟิลิปเป สโคลารี
สถิติสโมสร
สถิติผู้ชมสูงสุด : ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดพบกับอาร์เซน่อล ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1958 มีผู้ชมเข้ามาชมถึง 82,905 คน สถิติผู้ชมน้อยที่สุด : ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดที่พบกับ ลินคอล์น ซิตี้ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1906 มีผู้ชมเพียง 3,000 คน สถิติชนะสูงสุด : ในนัดพบกับ จิวเนส ฮัทคาเรจ ซึ่งถูกพวกเขาถลุงไปถึง 13-0 ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1971 สถิติแพ้สูงสุด : ในนัดพบกับ วูล์ฟแฮมตัน วันเดอร์เรอร์ส ที่อัดพวกเขาไป 8-1 ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1953 ผู้เล่นในลีกสูงสุด : รอนแฮร์ริส, 655 นัด, 1962-80 สถิติซื้อนักเตะค่าตัวแพงที่สุด : 30 ล้านปอนด์, อังเดร เชฟเชนโก้ จาก เอซี มิลาน, มิถุนายน ค.ศ. 2006 สถิติขายนักเตะแพงที่สุด : 24 ล้านปอนด์, อาร์เยน ร็อบเบน ไปเรอัลมาดริด, สิงหาคม ค.ศ. 2007 นักเตะที่ทำประตูรวมสูงสุดใน 1 ฤดูกาล : จิมมี่ กรีฟส์, 41 ประตู, 1960-61 นักเตะที่ทำประตูรวมสูงสุดในช่วงที่อยู่กับ : บ๊อบบี้ แทมบลิง, 164 ประตู, 1958 สถิติยื่นข้อเสนอซื้อนักเตะค่าตัวแพงที่สุด : 50 ล้านปอนด์, กาก้า จาก เอซี มิลาน, สิงหาคมค.ศ. 2008